วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เทคนิคอ่านกราฟอย่างง่าย คืออะไร

        เทรดเดอร์หลายคนมักมีปัญหาในการตีความกราฟที่ซับซ้อนจนเกินไป จนทำให้การเทรดนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย เทคนิคการการอ่าน Price action อย่างง่าย เพื่อให้เทรดเดอร์เข้าใจกราฟที่อ่านอย่างไม่สับสน และนำไปสู่การเทรดที่มีประสิทธิภาพ


#1 Swings – Highs และ Lows
            เป็น Basic ของ Technical analysis คือการใช้ทฤษฎี Dows ในการวิเคราะห์แนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
            ขาขึ้น : ราคาทำ Higher high (ยอดสูงขึ้น) และ Higher Low (ฐานสูงขึ้น)
          ขาลง : ราคาทำ Lower High (ยอดต่ำลง) และ Lower Low (ฐานต่ำลง)

            ซึ่งจุด ยอด และ ฐาน สามารถพิจารณาได้จาก “รอบสวิง” ของราคา ตามธรรมชาติของราคาแล้วนั้น ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง มีการแกว่งตัวขึ้นลง อยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์สามารถอาศัยรอบการแกว่งตัวนี้สร้างข้อได้เปรียบในการเทรดได้เช่นกัน

            อย่างพวก Swing trader ก็จะซื้อในช่วงที่ราคาย่อตัวในแนวโน้มขาขึ้น หรือ ขายในช่วงราคาดีดตัวในแนวโน้มขาลง เพื่อที่จะได้ราคาที่ดีกว่า เป็นต้น

            และอีกการรอบสวิงนั้นยังสามารถบ่งบอกถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาได้อีกมุมหนึ่งคือ ความลึกในการ Pullback ถ้าหากการ Pullback หรือย่อตัว นั้นไม่ลึก แสดงถึงแนวโน้มในช่วงนั้นยังคงแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากการ Pullback นั้นลึก แสดงว่าแนวโน้มนั้นเริ่มอ่อนแอลง

            ฟังดูหลักการเหล่านี้มันค่อนข้างง่าย แต่อยากบอกว่าการดู Price action ในลักษณะนี้มันค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการใช้งานจริง

            จากกราฟด้านล่างแสดงถึงตัวอย่างการวิเคราะห์รอบสวิงของราคา จะเห็นได้ว่าช่วง Bear market หรือขาลง ราคาสร้าง Low ต่ำลง และ High ต่ำลง ซึ่งเราสามารถหาจังหวะ Short ในช่วงที่ราคา Pullback กลับขึ้นมาได้ และในช่วงที่เปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นนั้น ราคากลับมายกฐานสูงขึ้น และยอดสูงขึ้น (เส้นสีแดง)


#2 แนวรับ แนวต้าน
            จุดที่ราคามักจะเกิดการกลับตัวเกิดขึ้น เมื่อราคาเข้าสู่บริเวณแนวรับ แนวต้านดังกล่าว ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนมากทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นใช้เจ้าสิ่งนี้ในการเทรดทั้งสิ้น

            จากกราฟด้านบนจะสังเกตุได้ว่าในช่วงที่ราคาทดสอบระดับแนวรับแนวต้าน (เส้นปะ) มักจะการกลับตัวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเทรดเดอร์สามารถนำประโยชน์ตรงนี้ไปประกอบการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            สิ่งที่อยากจะเสริมในการใช้แนวรับแนวต้านนั้น เราไม่ควรใช้เส้นแนวนอนแบบเส้นเดี่ยว เนื่องจากการเคลื่อนไหวจริงของราคานั้นไม่เป๊ะ 100% แนะนำให้ใช้เป็นโซน หรือบริเวณมากกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

            ทริคการเทรด : เมื่อเราเห็นระดับแนวรับแนวต้านชัดเจนมากเท่าไหร่ มันแสดงว่าคนส่วนมากนั้นเห็นบริเวณนั้นมากเท่านั้น ซึ่งในการเทรดเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า คนส่วนมากมักผิด ในจังหวะที่ทุกคนมีมุมมองเหมือนกัน เทรดในระดับราคาที่เหมือนกัน จังหวะนั้นมักผิดเสมอ ดังวงกลมสีแดงจากกราฟด้านบน คนส่วนมากมักเห็นว่าราคาทะลุผ่านแนวต้านสำคัญได้แล้ว จึงเปิด Long ตาม และสุดท้ายการทะลุนั้นเป็น Bull trap (หรือทะลุหลอก) ซึ่งเทรดเดอร์ควรระมัดระวังในเรื่องนี้

#3 Trend lines
            เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าการตีเส้น Trend lines นั้นค่อนข้างเป็นอะไรที่ Subjective หรือคล้ายศิลปะ มากกว่า วิทยาศาสตร์ คือเวลาตีมันไม่มีถูกผิด สิ่งสำคัญเทรดเดอร์ต้องรู้ว่าเราตีไปเพื่ออะไร มิฉะนั้นการตีโดยไร้ความหมายนั้นก็ไม่แตกต่างอะไรกับการเทรดมั่วๆ

            เราไม่ควรใช้เส้น Trend lines เป็นจุด Trigger หรือจุด Buy sell ควรใช้เป็นตัวที่วิเคราะห์ภาพรวมมากกว่า ไว้ดูทิศทาง ไว้ดูแนวโน้ม ถ้าหากเราไปใช้เป็นจุด Buy sell แล้วนั้น จะเกิดข้อผิดพลาดเยอะมาก เทรดเดอร์ต้องระวังในจุดเช่นเดียวกันครับ


#4 เส้นค่าเฉลี่ย
            เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ง่ายในการเทรด แต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ สามารถทำหน้าที่หลายหน้าที่ทั้ง
  1. จุดเข้า จุดออก
  2. แนวรับ แนวต้าน
  3. ดูทิศทางแนวโน้ม


            จากภาพด้านบน เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (เส้นสีน้ำเงิน) เส้นระยะสั้น นั้นสามารถใช้เป็นจุดเข้า จุดออกของการเทรดได้ ส่วนเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (เส้นสีม่วง) เส้นระยะยาว สามารถใช้เป็นแนวรับในจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมา (ลูกศรสีดำ) และสามารถใช้ดูทิศทางของแนวโน้มใหญ่ได้ด้วย ถ้าราคาเคลื่อนไหวเหนือเส้นดังกล่าวเส้นถึงขาขึ้น แต่ถ้าต่ำกว่าแสดงถึงขาลง และในจุดที่กากบาท (สีน้ำ) เป็นช่วงเปลี่ยนแนวโน้มของแนวโน้มใหญ่จากขาขึ้นสู่ขาลง เนื่องจากราคากลับลงมาเคลื่อนไหวใต้เส้นดังกล่าว

ทีมงาน : forexthai.in.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น